วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ประโยชน์ของเปลือกมังคุด

เปลือกมังคุดได้รับการพิสูจน์และยืนยัน จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin)ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซนโทน(Xanthon)ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้ และสารที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า แมงโกสติน (Mangostin) มีฤทธืช่วยลดการอักเสบ และต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง

ผลวิจัยจะพบว่าเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และพบว่าเปลือกมังคุดประกอบด้วยสารธรรมชาติ
GM-1 ซึ่งมี คุณสมบัติเด่น 4 ประการ คือ
1. ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว
2. ต้านการอักเสบ
3. ต้านอนุมูลอิสระ
4. ช่วยสมานผิว กระชับรูขุมขน
วิธีใช้
ใช้ ผสมน้ำเปล่าเท่านั้นอย่าให้ข้นหรือใสเกินไป พอกหน้าจนแห้งแล้วล้างออก หรือแต้มหัวสิวหนอง ยุบทันใจใน1-2วัน

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Kiss Kiss...How To Kiss

บทความนี้ผมหามาให้เผื่อว่าใครจะลองนำไปใช้^^

การจูบ มีมากมายหลายแบบ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมี 2 แบบคือ การจูบโดยที่ปากยังปิดอยู่ และการจูบแบบ French Kiss ซึ่งการจูบแบบฝรั่งเศสนี้จะต้องอ้าปากและแลกลิ้นกัน จะเป็นการดีสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยจูบหรือผู้ที่คิดว่าจะจูบเป็นครั้งแรก ซึ่งอย่างน้อยจะต้องเรียนรู้การจูบขึ้นพื้นฐานเสียก่อน เพื่อความมั่นใจไงล่ะค่ะ

ลมหายใจที่สดชื่น นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ อย่าลืมแปรงฟันก่อนที่จะออกจากบ้านและไปเดทกับหนุ่มสุดหล่อ คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการต้องจูบกับใครสักคนที่ปากเหม็นหรอกใช่มั้ยคะ และหากคุณต้องรับประทานอาหารก่อนไปเดทและก่อนจะจูบแล้วล่ะก็ อย่าลืมทำลมหายใจให้สดชื่นด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่งหรือใช้สเปรย์ระงับกลิ่นปากด้วยนะคะ และทางที่ดี อย่าลืมกลั้วปากด้วยน้ำสะอาดให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรติดฟันด้วยนะคะ คุณคงไม่อยากจะจูบหากมีอะไรอยู่ในปากใช่มั้ย

ริมฝีปากชุ่มชื้น แน่นอนคุณอยากให้ริมฝีปากของคุณนุ่มนวลเมื่อยามจูบ ลองเลียริมฝีปากสักครั้งก่อนจะจูบ อย่าทาลิปกลอสเพราะว่ามันจะทำให้การจูบนั้นรสชาติเฝื่อน และที่สำคัญลิปสติกของคุณนั้นถ้าไม่จำเป็นอย่าทาเสียดีกว่านะคะ หรือทาหลังจากจูบเสร็จแล้ว ริมฝีปากที่ชุ่มชื่นนั้นจะทำให้การจูบเป็นไปอย่างลื่นไหล

ตำแหน่งที่เหมาะสม ยืนอยู่ให้ใกล้กับคู่รักของคุณ เพื่อที่ศรีษะของคุณทั้งสองจะเอนเข้าหากันได้ง่าย หรืออาจจะเป็นคู่รักของคุณที่เป็นฝ่ายเข้าหาคุณเอง หากคู่รักคุณเอียงศีรษะไปทางใด คุณควรเอียงไปอีกข้างหนึ่ง

หลับตา ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน หลับตาลงซะ แต่หลายๆคนชอบที่จะเบิกตากว้างระหว่างการจูบ คุณควรสังเกตคู่รักของคุณว่าเขาชอบแบบไหน แต่ทางที่ดีหลับตาไว้ก่อนดีกว่า สำหรับการจูบที่ไม่ต้องการหลับ ให้มองตากันและกันในขณะที่จูบอยู่ ใช้สายตาที่เย้ายวนของคุณเพราะนั่นจะทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินไปการจูบ หากคุณทั้งสองมักจะหลับตาและจูบ ควรลองลืมตาจูบสักครั้งสิคะ

อ้าปาก... ค่อยๆเผยอริมฝีปากและวางริมฝีปากของคุณลงบนริมฝีปากของคู่รัก และหายใจทางจมูก อย่ากลั้นหายใจ ขณะที่ริมฝีปากสัมผัสกัน ประกบอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากของคู่รัก หรือคุณอาจจะเคลื่อนริมฝีปากช้าๆไปรอบๆริมฝีปากของเขา

ปิดปาก การจูบแบบนี้เป็นการจูบเหมือนที่คุณจูบหลานๆ หรือเด็กตัวเล็กๆ หรือจูบเพื่อมิตรภาพ เพราะแทนที่จะต้องอ้าปากในขณะที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน คุณก็แค่ปิดปากเอาไว้ นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจูบเพื่อแสดงความรักที่อ่อนหวานได้เช่นเดียวกัน

มือ มีหลายๆวิธีที่คุณจะสามารถใช้มือทั้งสองข้างขณะที่กำลังจูบ วิธีที่นิยมที่สุดก็คือวางมือข้างใดข้างหนึ่งของคุณที่เอวของคู่รักและอีกข้างหนึ่งโอบที่กลางหลัง หรือคุณอาจจะใช้มือลูบไล้ที่ใบหน้า (แสนจะโรแมนติก) และลำคอ หรือที่เอว สัมผัสแขนเขาอย่างแผ่วเบา ใช้นิ้วมือเล่นกับผมของเขา หรือเพียงแค่จับมือกัน

และนี่ก็เป็นพื้นฐานในการจูบ ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ เพียงแค่คุณปล่อยวางและทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด คู่รักของคุณจะช่วยคุณเอง เพราะการจูบเป็นการแสดงความรักที่ดีอีกทางหนึ่ง หากไม่ต้องการมีเซ็กซ์!!!

Kissing Tips
๐ ใช้ลิ้นเพียงเพื่อให้รู้สึกถึงกันและกัน
๐ ค่อยๆและทำอย่างนุ่มนวล
๐ หลังจากจูบให้ยิ้ม หรือแสดงความรู้สึกออกมาว่าชอบ
๐ ระหว่างจูบหากต้องกลืนน้ำลายก็ทำได้นะคะ
๐ มีอารมณ์ร่วมในการจูบ อย่าจูบเพียงแค่เพราะว่าเขาต้องการ
๐ อย่าลืมว่าลมหายใจของคุณต้องสดชื่นหรือปราศจากกลิ่น ๐ หากจะจูบต้องแน่ใจว่าคุณไม่มีใครมารบกวนและคุณมิได้รบกวนคนอื่น

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

14 อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีความรัก

1. อยากเห็นหน้าไม่งั้นบ้าตาย

2. คิดถึง ... ตั้งแต่ตื่นนอน ... จนถึงเข้านอน ... หรือไม่ก็ฝันมันซะเลย ไม่เว้นแม้แต่เข้าห้องน้ำ

3. เห็นหน้าเขาคนนั้นทีไร หัวใจก็เต้นโครมครามโดยไม่มีเหตุผล

4. แอบมองเขาทั้งระยะใกล้และระยะไกล ไม่ให้เขารู้ตัว ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเขารู้

5. เกาะติดสถานการณ์ เห็นเขาอยู่ไหน พยายามพาตัวเข้าไปใกล้ใกล้

6. อยากรู้จัก อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง อยากยิ้มให้

7. โรแมนติกขึ้นมาหน้าตาเฉย มีการพับดาวใส่ขวด เขียนกลอน เพ้อรำพึงรำพัน

8. เห็นเขาเดินกับใคร คุยกับใคร หัวใจปั่นป่วนจวนจะระเบิด

9. หวั่นไหวไปกับเสียงเพลง และมิวสิควีดีโอ แอบยิ้มหวานคนเดียว

10. ห่วงใยความสวยของตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

11. สืบเสาะแสวงหาข้อมูลส่วนตัวของเขา เกิดวันไหน เรียนห้องไหน บ้านอยู่ไหน เบอร์โทรอะไร หาให้วุ่น

12. อยากรู้ว่าเขาชอบอะไร ดูหนังฟังเพลงแบบไหน อะไรนะที่เป็นของโปรด

13. เริ่มคิดหนักว่าเขามีใครเป็นหวานใจหรือยัง แล้วอย่างเรานี่สเป็กเขารึเปล่าเนี่ย เริ่มจินตนาการไปต่างต่างนานา

14. เริ่มบนบานศาลกล่าว ผ่านดวงดาว ลมหนาว ดวงจันทร์ ยันดวงอาทิตย์ ช่วยให้สมหวังทีเท๊อะ


หากคุณถูกรุมเร้าด้วยอาการเหล่านี้ เพียงแค่ 5 ข้อ ก็เข้าข่ายให้รู้ตัวไว้นะฮะ ว่ามันชัวร์ (ไม่มั่วนิ่ม)

แต่ถ้าอ่านแล้ว ปรากฏว่าถูกทุกข้อ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไป มันใช่ มันโดน มันถูกเผง ... ยังนี้แหละที่เขาเรียกว่า รัก


เรื่องจาก Forward Mail

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

A rhyme คำคมบทกลอนแบบEnglish

no man is worth your tearsand the only one who is,eill never make you cry
ไม่มีชายคนไหนมีค่าพอที่คุณจะต้องเสียน้ำตาให้..ส่วนคนที่มีค่าพอนั้น เขาย่อมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องร้องไห้อย่างเด็ดขาด

if u love someone put thetr name in a circle,instead of a heart,because heats can break, but circles go on forever.
ถ้าคุณรักใครสักคน จงเอาเขาวั้ยรอบตัวคุณแทนที่จะใส่เขาวั้ยในใจ เพราะหัวใจสามารถแตกสลายใด้..แต่ถ้าเขาอยู่รอบตัวคุณเขาจะอยู่กับคุณตลอดไป

don't frown because u never know who's falling in love with u smile.
อย่าทำหน้าบูดบึ้ง เพราะว่าคุณไม่สามารถจะรู้ได้ว่ามีใครบางคนที่กำลังชื่นชมรอยยิ้มของคุณอยู่

it way take only a minute to like someone,only an hour to have a crush on someone and only a day to love someone but it will take a lifetime to forget someone.
มันอาจจะใช้เวลา เพียงชั่วนาทีที่จะชอบใครสักคน เพียงชั่วโมงที่นึกรักใครสักคน เพียงชั่ววันที่จะรักใครสักคน แต่มันจะใช้เวลาชั่วชีวิตของคุณที่จะลืมคนคนนั้น

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เพศศึกษา น่ารู้

หน้า 7 หลัง 7 ... เคล็ดลับต้องนับวันแรก
วิธีนี้เป็นการคุมกำเนิดแบบธรรมชาติโดยนับระยะปลอดภัย แน่ใจหรือเปล่าครับว่าคุณนับวันถูกต้อง เชื่อไหมครับว่าพลาดกันมาหลายรายแล้ว เพราะนับวันแบบผิดๆ นี่ล่ะ มาดูกันนะครับว่าที่ถูกแล้วต้องนับกันยังไง
วิธีการนับระยะปลอดภัยหน้า 7 หลัง 7 ให้ยึดเอาวันแรกที่ประจำเดือนของฝ่ายหญิงมาเป็นหลัก จากนั้นนับล่วงหน้าไป 7 วัน อันนี้คือระยะปลอดภัยในช่วงหน้า 7 ส่วนระยะปลอดภัยช่วงหลัง 7 ก็ให้ยึด วันแรก วันเดียวกันนั่นล่ะ แล้วนับถอยหลังไปอีก 7 วัน ไม่ใช่นับจากวันสุดท้ายของการมีประจำเดือน ตรงนี้ล่ะที่ผิดกันเยอะเลย พอนับผิดโอกาสพลาดก็สูง เพราะปกติไข่ของผู้หญิงจะสุกประมาณวันที่ 13-15 ของรอบเดือน ถ้าไปนับช่วงหลัง 7 จากวันสุดท้ายของการมีประจำเดือน ก็จะเข้าใกล้ช่วงไข่สุกพอดี อะไรจะเกิดขึ้นได้ คงไม่ต้องให้บอกนะครับ
คราวนี้มาดูตัวอย่างการนับกันบ้างดีกว่า สมมุติประจำเดือนมาวันที่ 7-11 ระยะปลอดภัยในช่วงหน้าเจ็ด ก็นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาคือวันที่ 7 ล่วงหน้าไป 7 วัน ก็คือวันที่ 1-7 ส่วนช่วงหลังเจ็ด ก็ให้นับวันที่ 7 นั่นล่ะเป็นวันแรก ถอยหลังไป 7 วัน ก็จะได้ระยะปลอดภัยหลัง 7 คือระหว่างวันที่ 7-13 เข้าใจกันแล้วใช่ไหมครับ
ขอย้ำว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอหรือตรงเวลาเท่านั้น และที่สำคัญคือไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซนต์ พูดง่ายๆ ก็คือถึงนับถูกยังไง ก็ยังมีโอกาสท้องได้อยู่ดี

บทความดีๆจากhttp://www.doctor.co.th/